คุยกับ “เฟลิซิตี้ โจนส์” นักแสดงสาวมากฝีมือ ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อบทวีรสตรีแห่งวงการกฏหมายอเมริกัน ใน On The Basis of Sex ก่อนฉาย 24 ม.ค. นี้ - Mixmaya.Com
  • Home
  • entertainment
  • คุยกับ “เฟลิซิตี้ โจนส์” นักแสดงสาวมากฝีมือ ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อบทวีรสตรีแห่งวงการกฏหมายอเมริกัน ใน On The Basis of Sex ก่อนฉาย 24 ม.ค. นี้
คุยกับ “เฟลิซิตี้ โจนส์” นักแสดงสาวมากฝีมือ ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อบทวีรสตรีแห่งวงการกฏหมายอเมริกัน ใน On The Basis of Sex ก่อนฉาย 24 ม.ค. นี้

คุยกับ “เฟลิซิตี้ โจนส์” นักแสดงสาวมากฝีมือ ยอมทุ่มสุดตัวเพื่อบทวีรสตรีแห่งวงการกฏหมายอเมริกัน ใน On The Basis of Sex ก่อนฉาย 24 ม.ค. นี้

เฟลิซิตี้ โจนส์ นักแสดงมากความสามารถเป็นที่รู้จักจากการเข้าชิงรางวัลแทบทุกสถาบันจากบทที่เธอร่วมแสดงกับ เอ็ดดี้ เรดเมย์น ใน The Theory of Everything ส่งผลให้เธอกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงมากฝีมือคนหนึ่งของวงการ แต่ก่อนหน้านั้น ผู้ชมฝั่งอเมริกา รู้จักเธอครั้งแรกเมื่อปี 2011 ในหนังโรแมนติคดราม่าเรื่อง Like Crazy โดย เดรค โดรีมัส ที่ฉายครั้งแรกในเทศกาลหนังซันแดนซ์ และได้การตอบรับอย่างล้นหลาม จนขนาดได้รางวัล แกรนด์ จูรี่ ไพรซ์ โดย American Dramatic Film และเธอสามารถคว้ารางวัลด้านการแสดงส่วนตัวจากเวทีนี้ไปอีกด้วย โจนส์ คว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่จากเรื่องนี้ไปอีกหลายเวที ผลงานที่โดดเด่นของเธอได้แก่ The Invisible Woman ซึ่งแสดงร่วมกับ ราล์ฟ ไฟนส์ ซึ่งควบเก้าอี้ผู้กำกับ ภาพยนตร์ดราม่าโดย โรเบิร์ต เรื่องต่อไปที่โจนส์จะนำแสดงคือ Rogue One: A Star Wars Story กำกับโดย แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ Inferno ประกบกับ ทอม แฮงค์ และ Collide ร่วมกับ นิโคลาส โฮลท์ และ เบ็น คิงส์ลีย์

On The Basis of Sex คือภาพยนตร์ถ่ายทอดเส้นทางชีวิตที่น่าทึ่งของผู้หญิงที่ชื่อ “รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก” ที่ต้องต่อสู้เพื่อความยุติธรรมพร้อมไปกับต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงในสังคมที่เต็มไปด้วยอำนาจของผู้ชาย ก่อนก้าวสู่ตำแหน่งตุลาการศาลสูงสุดหญิงของสหรัฐฯ โดยบทของ “รูธ เบเดอร์ กิรส์เบิร์ก” รับบทโดย เฟลิซิตี้ โจนส์ (The Theory of Everything, Rogue One: A Star Wars Story) ร่วมด้วยอาร์มี่ แฮมเมอร์ (Call Me By Your Name, The Social Network)

 

คุณกดดันไหมที่ต้องเล่นเป็นไอค่อนหญิงแกร่งแห่งยุค

โจนส์:  ไม่เลยนะ ฉันมองหาบทแบบนี้มาเป็นปีๆ แล้วบทที่ตัวละครหญิงทุ่มเทให้กับสิ่งที่เธอเชื่อ ในเวลาเดียวกับที่เธอต้องจัดการชีวิตของตัวเอง ตัวรูธเองด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันไม่กดดัน ฉันโชคดีที่ได้พบกับผู้พิพากษากินส์เบิร์กที่อพาร์ตเมนท์ของเธอในวอร์ชิงตัน ซึ่งมันเหมือนเป็นการเปิดโลกให้ฉันเลย มีรายละเอียดเยอะแยะไปหมด ฉันไม่อยากทำอะไรตกหล่นไป ฉันขอเธอถ่ายรูปไว้ เก็บภาพโต๊ะทำงานของเธอ วิธีที่เธอวางของบนโต๊ะ สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือผู้หญิงคนนี้ดูแลทุกอย่างดีมากๆ สิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันได้จากรูธคือการได้สัมผัสกับวีรสตรีนักปฏิรูปตัวจริงที่ไม่เคยสูญเสียไฟในตัวไป”

 

คุณต้องร่วมแสดงกับ อาร์มี่ แฮมเมอร์ ที่รับบทเป็น มาร์ติน กินส์เบิร์ก สามีของผู้พิพากษากินส์เบิร์ก การทำงานกับเขาเป็นอย่างไรบ้าง?

ฉันว่าคุณจะได้เห็น อาร์มี แฮมเมอร์ แบบที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เขาได้แสดงด้านขี้เล่นของตัวเองออกมา เราทำงานเข้าขากันทีเดียว ซึ่งนั่นมันสำคัญกับหนังนะ เพราะการที่พวกเขาประสบความสำเร็จทั้งการงานและความรัก ฉันคิดว่าเหตุผลที่ทำให้รูธยกเครดิตให้มาร์ตินเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งหลายของเธอ ก็เพราะความรักที่มีให้กันและกัน พวกเขาไม่สามารถมีลูกสองคนไปพร้อมกับอาชีพที่รุ่งเอาๆ ได้หรอกถ้าไม่มีสิ่งนี้  พวกเขาเคียงบ่าเคียงไหล่ เป็นทีมเดียวกัน ซึ่งเราจะถ่ายทอดความรู้สึกพวกนั้นออกมาไม่ได้เลยถ้าเราทำงานเข้ากันไม่ได้

คุณประทับใจฉากไหนเป็นพิเศษไหมในเรื่อง?

โจนส์:  ฉันอยากให้แฟนๆ จับตาฉากเชือดเฉือนกันในศาลเป็นพิเศษ ฉันว่าผู้ชมรู้สึกว่าฉากในศาลเรื่องนี้มีเอกลักษณ์มาก มีฉากในศาลหลายฉากเลยในเรื่อง ซึ่งฉันสนุกกับมันมาก แต่มีฉากนึงที่ตัวละคร รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ที่ฉันเล่นลุกขึ้นว่าความ มันอาจจะเป็นบทพูดของตัวละครหญิงที่ยาวที่สุดในภาพยนตร์อเมริกัน มันน่าประทับใจ และมอบแรงบันดาลใจได้ดีมากเลย บทพูดนั้นยาวถึง 5.32 นาที พอคัททีฉันต้องขอเวลาไปรวบรวมสติใหม่อีกรอบทีเดียวค่ะ

 

คุณคิดว่าอะไรที่ทำให้ On the Basis of Sex ที่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุค 70 จะโดนใจคนดูรุ่นปัจจุบัน?

โจนส์:     เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนี้ มันยังเป็นปัญหาเดิมๆ ที่เคยเกิดขึ้น ไม่มีเวลาไหนที่เหมาะจะเล่าเรื่องของรูธ กินส์เบิร์กตอนสาวๆ ไปมากกว่าตอนนี้อีกแล้ว หลายอย่างเปลี่ยนไปแต่บางอย่างยังคงเหมือนเดิม เธอเป็นผู้หญิงที่ใช้สิทธิ และสติปัญญาของตัวเองเปลี่ยนแปลงค่านิยม เพื่อให้คุณภาพชีวิตของผู้หญิงดีขึ้น ด้วยความที่ทุกวันนี้สิ่งที่เธอสร้างมากำลังพังทะลาย เรายิ่งต้องการเธอมากกว่าทุกครั้ง เราต้องสู้เพื่อสิทธิของพวกเรา และสิ่งที่ผู้พิพากษากินส์เบิร์กพยายามทำคือให้แน่ใจว่ากฏหมายที่เธอแก้ไขจะไม่ถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นแบบเดิม แม้แต่แคมเปญ Me Too ในช่วงนี้ มันเป็นผลจากสิ่งที่เธอริเริ่มทั้งนั้น

 

Comments

entertainment

VDO Update

Merigin

Related Post