
“ราโด” (Rado) แบรนด์นาฬิกาชื่อดังจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จัดงาน “Rado Novelties 2025” สุดยิ่งใหญ่แห่งปี อวดโฉมเรือนเวลาหรูน่าสะสมแห่งปี จาก 6 คอลเลกชั่นชื่อดัง ให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้สัมผัสความงดงามพร้อมกันแล้ววันนี้
สัมผัสความงดงามของเรือนเวลาหรูระดับโลกจาก ราโด (Rado) แบรนด์นาฬิกาจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ล่าสุด ริโค่ สไตเนอร์ (Rico Steiner) รองประธานฝ่ายการตลาดต่างประเทศ ราโด (Rado) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และธีรเนตร ภัทรวุฒิพงศ์ ผู้บริหารแบรนด์ ราโด (Rado) ประเทศไทย ได้จัดงาน Rado Novelties 2025 สุดยิ่งใหญ่ อวดโฉมเรือนเวลาหรูน่าสะสมแห่งปีจากคอลเลกชั่นดัง ไม่ว่าจะเป็น กัปตัน คุก (Captain Cook), อะนาตอม (Anatom), ทรู สแควร์ (True Square), ไดสตาร์ (DiaStar), เซนทริกซ์ (Centrix) และ ลา คูโปล (LaCoupole) ให้เหล่าคนรักนาฬิกาได้ยลโฉมพร้อมกันอย่างใกล้ชิด
โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก 2 นักแสดงชื่อดัง ได้แก่ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และ มิ้นท์-รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร มาร่วมถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่นผ่านเรือนเวลาดีไซน์หรู รวมถึงเหล่าเซเลบริตี้แฟนคลับแบรนด์ อาทิ อภินรา ศรีกาญจนา, พรรษมน พิริยะเมธา, ภิพัชรา แก้วจินดา, ณรงค์ฤทธิ์ ศรีตลานนท์ และอีกมากมาย
ราโด (Rado) แบรนด์นาฬิกาหรูสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1917 โดยพี่น้องตระกูล Schlup ที่ก่อตั้ง บริษัท Schlup & Co. ขึ้นในเมืองเลงนาว ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ราโด (Rado) นับได้ว่าเป็นผู้สรรสร้างนวัตกรรมเรือนเวลาระดับโลกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Master of Materials” ด้วยสุดยอดผลงานออกแบบไฮเทคเซรามิก (High-Tech Ceramics) อันล้ำสมัย ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีด้านวัสดุศาสตร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้อย่างลงตัว
ริโค่ สไตเนอร์ (Rico Steiner) กล่าวว่า “ราโด (Rado) ยึดมั่นในปรัชญาแห่งการหลอมรวมระหว่างนวัตกรรมด้านวัสดุศาสตร์เข้ากับงานดีไซน์ที่ล้ำสมัย ซึ่งสะท้อนถึงตัวตนของแบรนด์ในฐานะ Master of Materials อย่างแท้จริง งาน Rado Novelties 2025 ครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ หากแต่เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของแบรนด์ ในการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่ก้าวล้ำเหนือกาลเวลา ผ่านเทคโนโลยีอันล้ำยุค งานฝีมือระดับสูง และแรงบันดาลใจจากศิลปะและวัฒนธรรมจากหลากหลายมุมโลก เรามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอความงดงามและความเชี่ยวชาญเหล่านี้สู่สายตาชาวไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญที่ให้การตอบรับอย่างอบอุ่นเสมอมา”
ด้าน ธีรเนตร ภัทรวุฒิพงศ์ กล่าวเสริมว่า “งาน Rado Novelties 2025 ในวันนี้ ถือเป็นการรวมที่สุดของงานออกแบบและนวัตกรรมไว้ในที่เดียว เราภูมิใจที่ได้นำเสนอเรือนเวลาไฮไลท์หลากหลายรุ่น ทั้งรุ่นใหม่ล่าสุดและรุ่นพิเศษที่สะท้อนถึงวิวัฒนาการของราโด (Rado) ในทุกมิติ เรามั่นใจว่าคนไทยจะสัมผัสได้ถึงความพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นความเบาสบาย ความแข็งแกร่งทนทาน หรือความร่วมสมัยของดีไซน์ ที่สามารถสะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่ได้อย่างลงตัว ราโด (Rado) จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องคุณภาพและสไตล์ในทุกช่วงเวลาของชีวิต”
โดยงาน Rado Novelties 2025 ในครั้งนี้ ได้จัดแสดงสุดยอดเรือนเวลาหรูจากหลากหลายคอลเลกชั่นดัง โดยมีเรือนไฮไลท์ ได้แก่ กัปตัน คุก ไฮเทคเซรามิก สเกเลตัน (Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton) รุ่น R32192152 สัญลักษณ์แห่งการผจญภัยสุดยิ่งใหญ่ที่ทั้งอบอุ่นและแข็งแกร่ง นับเป็นความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของนาฬิกาซีรีส์นี้ โดยเรือน R32192152 ประดับด้วย PVD สีโรสโกลด์บนเม็ดมะยมและขอบเบเซล (Bezel) คริสตัลแซฟไฟร์ทรงกล่องอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ปกป้องหน้าปัดสีควันบุหรี่สุดล้ำ เผยให้เห็นถึงกลไกสเกเลตันอันยอดเยี่ยม โดยขอบเบเซล (Bezel) ของตัวเรือนได้รับการเสริมแต่งด้วยไฮเทคเซรามิกแกะสลักด้วยเลเซอร์สีดำด้านเหมือนกับตัวเรือนและสายคริสตัลแซฟไฟร์บนฝาหลังทำจากไทเทเนียมเคลือบ PVD สีดำ มาพร้อมกลไกอัตโนมัติ R808 ซึ่งมีอัญมณี 25 เม็ดพร้อมสปริงบาลานซ์นิวาครอง (Nivachron™) ป้องกันสนามแม่เหล็กและพลังงานสำรองอันน่าทึ่งกว่า 80 ชั่วโมง และคุณสมบัติกันน้ำได้ลึกถึง 30 บาร์ (300 ม.) และอีก 2 คอลเลกชั่นจากตระกูล กัปตัน คุก (Captain Cook) ได้แก่ กัปตัน คุก โอเวอร์โพล (Captain Cook Over-Pole) รุ่น R32193018 เรือนเวลาสุดคลาสสิกที่ผลิตออกมาในจำนวนจำกัดเพียง 1,962 เรือนเท่านั้น ด้วยเสน่ห์แบบย้อนยุคที่ผสมผสานกับการผลิตนาฬิกาสมัยใหม่ จากการถ่ายทอดจิตวิญญาณของนาฬิกา Over-Pole Worldtimer ในตำนานจากปี 1962 สู่ปัจจุบัน นาฬิการุ่นใหม่นี้ถูกตีความในรูปแบบที่ทันสมัยด้วยขอบเบเซล (Bezel) ไฮเทคเซรามิกสีดำ ตกแต่งด้วยการพิมพ์ชื่อเมืองเคลือบทอง พร้อมคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกล่อง ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ดูโดดเด่นสง่างามเหนือกาลเวลา นอกเหนือไปจากการให้กลิ่นอายแห่งวันวานแล้ว กลไกไขลานด้วยมือ R862 ยังให้พลังงานสำรองกว่า 80 ชั่วโมง ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นอย่างยิ่ง ด้วยตัวเรือนสแตนเลสสตีลขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39 มม. เคลือบ PVD สีทองแบบคลาสสิก มาพร้อมสายแบบถอดเปลี่ยนได้ 2 สาย ได้แก่ สายนาฬิกาแบบเมล็ดข้าวสีทองและสายหนังสีน้ำตาล และ กัปตัน คุก ไฮเทคเซรามิก โครโนกราฟ (Captain Cook High-Tech Ceramic Chronograph) นาฬิกาโครโนกราฟอัตโนมัติ ในดีไซน์สุดปราณีตสวยงาม พร้อมตัวเรือน สายข้อมือ และขอบเบเซล (Bezel) ที่ทำจากไฮเทคเซรามิก นาฬิการุ่นนี้สะท้อนถึงวิวัฒนาการอันสมบูรณ์แบบของ กัปตัน คุก (Captain Cook) ที่เป็นการผสมผสานเสน่ห์แบบวินเทจของรุ่นดั้งเดิมปีใน 1962 เข้ากับวัสดุที่ทันสมัย พร้อมฟังก์ชันจับเวลายอดนิยมอย่างโครโนกราฟ โดยมี 2 รุ่น ได้แก่ R32190153 ตัวเรือนไฮเทคเซรามิกสีดำเนื้อแมตต์ ตกแต่งด้วยดีเทลสีโรสโกลด์ และรุ่น R32189313 ตัวเรือนทำจากพลาสม่าไฮเทคเซรามิกที่มีหน้าปัดและขอบเบเซล (Bezel) สีเขียวเข้มน่าค้นหา
ถัดมาที่ อะนาตอม (Anatom) จากการเปิดตัวเมื่อปี 1983 การออกแบบที่นับว่าเป็นการปฏิวัติของวงการนาฬิกาและสร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ครั้งนี้อะนาตอม (Anatom) กลับมาด้วยสายข้อมือไฮเทคเซรามิกอันล้ำสมัย สวมใส่สบาย และเพิ่มความสง่างามยิ่งกว่าเดิม นาฬิกา 3 รุ่นใหม่นี้ เป็นการออกแบบที่ต่อยอดจากเอกลักษณ์ในรุ่นดั้งเดิมด้วยดีไซน์โค้งมนแต่เฉียบคม การออกแบบคริสตัลแซฟไฟร์ทรงกระบอกและขอบเอียงช่วยสร้างรูปทรงเฉพาะตัวที่ค่อยๆ แคบลงจนกลมกลืนไปกับสายนาฬิกา โดยรุ่น R10200152 เป็นการผสมผสานไฮเทคเซรามิกสีดำเข้ากับหน้าปัดเคลือบแล็กเกอร์สีดำสนิท ที่จะเผยให้เห็นลายเส้นแนวนอนที่เว้นระยะห่างกันอย่างไม่สม่ำเสมอ แต่ดูสะดุดตา และข้อต่อตรงกลางสแตนเลสชุบ PVD สีเหลืองทองขัดเงา และอีกรุ่นที่น่าสนใจคือ R10203102 รุ่นพลาสม่าไฮเทคเซรามิกหน้าปัดสีเทาเคลือบแล็กเกอร์และข้อต่อตรงกลางตกแต่งด้วยสแตนเลสชุบ PVD สีโรสโกลด์ขัดเงา และรุ่น R10201152 ที่ผสมผสานไฮเทคเซรามิกสีดำเข้ากับหน้าปัดเคลือบแล็กเกอร์สีดำสนิทด้วยเช่นกัน และข้อต่อตรงกลางสแตนเลสขัดเงา ให้ความสุขุมลุ่มลึกอย่างน่าค้นหา โดยทุกเวอร์ชันขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติพร้อมพลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง และสปริงบาลานซ์นิวาครอง (Nivachron™M)
คอลเลกชั่นถัดมา ทรู สแควร์ ออโตเมติก สเกเลตัน (True Square Automatic Skeleton) ความสง่างามทางเทคนิคจากการออกแบบทางเรขาคณิตที่ชัดเจนและแม่นยำ ด้วยหน้าปัดที่มีโครงสร้าง 2 ชั้น โดยมีการตัดกรอบที่ถูกจัดวางอย่างชาญฉลาดทำให้ได้มุมมองที่น่าสนใจของกลไกอัตโนมัติ R808 แบบเปลือยพร้อมสปริงนิวาครอง (Nivachron™) และพลังงานสำรองกว่า 80 ชั่วโมง โดดเด่นด้วยสะพานสองตัวที่วางขนานกันบนหน้าปัดช่วยเน้นย้ำถึงความสวยงามของเทคนิคการทำงาน พร้อมเครื่องหมายบอกเวลาที่มีการเดินของเข็มอย่างพิถีพิถัน และการเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว บนเครื่องตำแหน่งบอกเวลาหลักชั่วโมง โดยมี 2 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ R27196152 ตัวเรือนและเม็ดมะยมพลาสม่าไฮเทคเซรามิกเนื้อแมตต์ และรุ่น R27197152 ตัวเรือนและเม็ดมะยมไฮเทคเซรามิกเนื้อแมตต์
รวมถึง ไดสตาร์ ออริจินัล ออโตเมติก (DiaStar Original Automatic) ประวัติศาสตร์ของนาฬิกาที่ขึ้นชื่อเรื่องการป้องกันรอยขีดข่วนเรือนแรกของโลก ดีไซน์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในรูปแบบนาฬิกาขนาดเล็ก สีสันสดใส แม่นยำ และคงทน โดยปีนี้ไดสตาร์ (DiaStar) ได้เปิดตัวใหม่ 3 รุ่น ในขนาดใหม่ที่เล็กลงพร้อมเฉดสีใหม่ ได้แก่ R12170343 หนัาปัดขัดเงาสีฟ้าทะเลสาบธารน้ำแข็ง, R12170333 หนัาปัดขัดเงาสีม่วงดอกรักเร่ และ R12170323 หนัาปัดขัดเงาสีเขียวเทอร์ควอยซ์ พร้อมเข็มนาฬิกาชุบโรเดียมเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว ตัวเรือนคริสตัลแซฟไฟร์ และขอบเบเซล (Bezel) ทำจากวัสดุเซรามอส (Ceramos™) สีแพลตตินัมอันเป็นเอกลักษณ์ โดยตัวเรือนทรงรีมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 30 มม. และมาพร้อมกับกลไก Rado R586 ที่พลังงานสำรองกว่า 48 ชั่วโมง
และ ไดสตาร์ ออริจินัล x เตช ชัวร์ฮาน สเปเชียล อิดิชั่น (DiaStar Original X Tej Chauhan Special Edition) รุ่น R12165155 มาในดีไซน์ที่เสมือนหลุดออกมาจากโลกแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ ซึ่งนับเป็นผลงานผ่านการร่วมมือกันครั้งที่ 2 ระหว่าง ราโด (Rado) และนักออกแบบชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งนำอัตลักษณ์อันโด่งดังของไดสตาร์ (DiaStar) มาออกแบบใหม่ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดดเด่นด้วยขอบเบเซล (Bezel) ที่ทำจากเซรามอส (Ceramos™) พร้อมเคลือบ PVD สีเหลืองทอง โดยมีกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่ครอบหน้าปัดสีดำด้านซึ่งมีแทร็คบอกนาทีที่พิมพ์ด้วยสีเงินและสีน้ำเงิน ทั้งหมดนี้ล้วนสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้านวัสดุของ ราโด (Rado) พร้อมการแกะสลักบนฝาปิดตัวล็อกแบบพับ และวันที่ในแบบอักษรของ Tej Chauhan เข็มชั่วโมงและเข็มนาทีเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) สีขาว และเข็มวินาทีสีเหลืองเรืองแสง มาพร้อมสายรัดข้อมือยางทรงหมอน ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ R764 ที่มีพลังงานสำรองยาวนาน 80 ชั่วโมงและสปริงบาลานซ์นิวาครอง (Nivachron™) ทำหน้าที่ป้องกันสนามแม่เหล็ก จึงสามารถรับประกันความแม่นยำและความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี
ต่อมาที่นาฬิการุ่นยอดนิยมของเหล่าสุภาพสตรี ราโด (Rado) เซนทริกซ์ ออโตเมติก ไดมอนด์ โอเพ่น ฮาร์ท (Centrix Automatic Diamonds Open Heart) โดดเด่นด้วยดีไซน์สไตล์เฟมินีนที่ดึงดูดทุกสายตา ด้วยรายละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมช่องที่เปิดโชว์บนหน้าปัดเพื่อเผยให้เห็นกลไกอันพลิ้วไหวอย่างน่าหลงใหลภายในเรือนเวลา โดยนาฬิการุ่นเซนทริกซ์ (Centrix) นั้น สื่อถึงการมาจากจักรวาลของนาฬิกา Swiss made ที่เวลาคือการเคลื่อนไหวและเพชรคือดวงดาวที่กำลังส่องแสงอยู่บนท้องฟ้า นับเป็นการผสมผสานระหว่างสองวัสดุอันอย่างสแตนเลสสตีลและไฮเทคเซรามิกที่สะท้อนให้เห็นถึงความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว โดยเรือนเวลาจากตระกูลนี้แบ่งเป็นรุ่น ‘Super Jubilé’ จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ ตัวเรือนสีน้ำตาลรุ่นยอดนิยมสุดหรู R30029942 และตัวเรือนสีขาว R30029932 ที่ตกแต่งหน้าปัดด้วยเพชรแท้จำนวน 86 เม็ด บริเวณส่วนโค้งด้านล่างของสะพานที่ตกแต่งอยู่บนหน้าปัดลวดลายเปลือกหอยมุก และยังมีรุ่น ‘Jubilé’ ที่ประดับเพชรแท้จำนวน 12 เม็ด ได้แก่ เรือนสีขาว R30029922, เรือนสีพลาสม่า R30029912, เรือนสีน้ำตาล R30029902 บนหน้าปัดขนาด 35 มม.
ปิดท้ายที่ ลา คูโปล (LaCoupole) ความงามสง่าดุจเทพปั้นที่ได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมโดมแบบโค้งในยุคเรเนซองส์นั้น ได้ถูกถ่ายทอดโดยการนำเอกลักษณ์รูปทรงโดมมาออกแบบให้กลมกลืนไปกับรูปแบบสีของแต่ละรุ่น ด้วยลวดลายคลื่นนูนที่อัดแน่นด้วยแล็กเกอร์แวววาวสร้างเอฟเฟกต์ 3 มิติอันโอ่อ่าบนหน้าปัด ขณะที่ตำแหน่งบอกเวลาทำจากเพชรจำนวน 11 เม็ด พร้อมช่องวันที่ที่มีขอบขัดเงาสะท้อนถึงความหรูหราและเปี่ยมเสน่ห์ ด้านสายนาฬิกาทำจากไฮเทคเซรามิกประกอบกับสแตนเลสที่ผสมผสานความสง่างามเข้ากับความสบายในการสวมใส่อย่างสูงสุด มาพร้อมฝาปิดหลังเรือนที่มีรายละเอียดอย่างปราณีต ในรูปแบบของมงกุฎจับเหลี่ยมมุมที่เข้ากันกับลวดลายคลื่นบนหน้าปัด โดยมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่ R22241703 ตัวเรือนพลาสม่าไฮเทคเซรามิกสีดำขัดเงา, R22242703 ตัวเรือนไฮเทคเซรามิกสีน้ำตาลขัดเงา และรุ่น R22240703 ตัวเรือนพลาสม่าไฮเทคเซรามิกสีขาวขัดเงา
ด้านเหล่าเซเลบริตี้และนักแสดงชื่อดัง ยังได้ร่วมเผยเคล็ดลับการเลือกเรือนเวลาเสริมลุคในแบบฉบับของตนเอง เริ่มต้นที่นักธุรกิจสาว อภินรา ศรีกาญจนา เผยว่า “การเลือกนาฬิกาไม่ใช่แค่เรื่องของแฟชั่นหรือความสวยงาม แต่คือการเลือกสิ่งที่สะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ของเรา เราจะให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพเป็นหลัก ทั้งในด้านวัสดุ ความปราณีตในการออกแบบ และความคุ้มค่าในการใช้งาน อย่างตัวเรือนในรุ่น เซนทริกซ์ ออโตเมติก ไดมอนด์ โอเพ่น ฮาร์ท สีขาว (Centrix Automatic Diamonds Open Heart) เป็นรุ่นที่เราชอบมากๆ เพราะให้ภาพลักษณ์ที่ดูเฟมินีน เรียบหรู ช่วยเสริมลุคของเราให้ดูสง่างาม มีความมั่นใจ แต่ก็ยังให้ความรู้สึกอ่อนโยนอยู่ด้วย”
ถัดมาที่ดีไซน์เนอร์สาว ภิพัชรา แก้วจินดา เล่าว่า “เรามองว่านาฬิกาเป็นเหมือนเครื่องประดับชิ้นสำคัญที่ช่วยคอมพลีตลุคของเราให้สมบูรณ์แบบ เราจะเลือกนาฬิกาที่สามารถแมทช์เข้ากับสไตล์ของเราได้ในทุกๆ วัน ทั้งในวันทำงานหรือวันสบายๆ อย่างตัวเรือน รุ่น เซนทริกซ์ ออโตเมติก ไดมอนด์ โอเพ่น ฮาร์ท สีนํ้าตาล (Centrix Automatic Diamonds Open Heart) มีดีไซน์สไตล์เฟมินีนที่ดึงดูดสายตา ผสมความคลาสสิกและความทันสมัย สามารถปรับเข้ากับลุคได้หลากหลาย ไม่ว่าจะลุคหวาน เท่ หรือมินิมอล เลยตอบโจทย์เรามาก”
ปิดท้ายที่นักแสดงหนุ่มหล่อ อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ เผยว่า “นาฬิกาเป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่เราให้ความสำคัญมาก นอกจากจะสามารถใช้ดูเวลาแล้วยังเป็นไอเทมที่ช่วยเสริมบุคลิกและภาพลักษณ์ของเราให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น อย่างเรือนที่เราเลือกวันนี้จะเป็น กัปตัน คุก ไฮเทคเซรามิก สเกเลตัน R32192152 (Captain Cook High-Tech Ceramic Skeleton) ซึ่งมีดีไซน์ที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ หน้าปัดแบบสเกเลตันสีควันบุหรี่ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้กับลุคได้อย่างลงตัว ความพิเศษของเรือนนี้คือทั้งเบา แข็งแรง และทนทาน ทำให้ใส่แล้วรู้สึกมั่นใจและคล่องตัวในทุกโอกาส”
พบกับเรือนเวลาหรูจากแบรนด์ ราโด (Rado) นาฬิกาคุณภาพมาตรฐานตามแบบฉบับ Swiss made ได้ที่ เคาน์เตอร์ ราโด (Rado) ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ตัวแทนจำหน่าย และร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการใน Lazada สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-146-8402 และ Line Official Account @radothailand
Comments