การเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกา หลังเหตุการณ์ประท้วงกว่า 2 สัปดาห์ - Mixmaya.Com
  • Home
  • news
  • การเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกา หลังเหตุการณ์ประท้วงกว่า 2 สัปดาห์
การเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกา หลังเหตุการณ์ประท้วงกว่า 2 สัปดาห์

การเคลื่อนไหวของสหรัฐอเมริกา หลังเหตุการณ์ประท้วงกว่า 2 สัปดาห์

การประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมและการปฏิบัติกับคนทุกสีผิวอย่างเท่าเทียมลุกลามไปทั่วโลก หลังจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ (สรุปปม! จุดเริ่มต้นการประท้วงสู่ความรุนแรง)

ผู้คนรู้สึกโกรธแค้น และแสดงออกความรู้สึกด้วยการรื้อถอนรูปปั้นต่าง ๆ เช่น ผู้ชุมนุมประท้วงดึงรูปปั้นของคนค้าทาสในเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษลง และรูปปั้นของพระเจ้า Leopold II กษัตริย์นักล่าอาณานิคม ในเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม ผู้คนยังคงประท้วงกันอย่างต่อเนื่องและสถานการณ์มีทีท่าว่าจะขยายวงกว้างและรุนแรงมากยิ่งขึ้น ถ้าสหรัฐอเมริกาเองยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้ผู้ประท้วงพอใจ

การเสนอกฎหมายใหม่

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตได้นำเสนอให้มีการออกกฎหมายที่เอื้อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบต่อการประพฤติมิชอบ และปรับยุทธวิธีให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งหากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน ก็จะนำไปสู่การห้ามเจ้าหน้าที่ใช้วิธีล็อกคอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีกล้องติดตามตัว และหน่วยงานใต้บังคับบัญชาต้องมีอิสระมากขึ้น

จัสติน อามาช จากพรรคเสรีนิยมและอดีต ส.ส. พรรครีพับลิกัน อิลฮาน โอมาร์ ส.ส. พรรคเดโมแครตจากมินนิอาโปลิส และอายานนา เพรสลีย์ จากบอสตัน กล่าวว่าพวกเขามีแผนที่จะสนับสนุนกฎหมายแยก ที่จะอนุญาตให้มีการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะลดอำนาจของศาลสูงในการปกป้องเจ้าหน้าที่ตำรวจจากความรับผิดทางกฎหมาย แม้ว่าศาลจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ดังกล่าวละเมิดสิทธิพลเมือง

นอกจากนี้ หน่วยงานรัฐในโคโลราโด แมรีแลนด์ มิชิแกน นิวยอร์ก และอื่นๆ ก็ได้เรียกร้องให้มีการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปตำรวจเช่นกัน

สหรัฐอเมริกา มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง? จากเหตุประท้วงที่ผ่านมา

1. การลดงบประมาณของตำรวจ

จากการประท้วงเรียกร้องให้ลดงบประมาณของตำรวจและยกเลิกกรมตำรวจ สมาชิกสภาเมืองมินนิอาโปลิสส่วนใหญ่ให้คำมั่นว่าจะมีการยกเลิกกรมตำรวจประจำเมือง และหันมาใช้โมเดลความปลอดภัยที่นำโดยชุมชนแทน ซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่ไม่มีใครริเริ่มก่อนการเสียชีวิตของฟลอยด์

ด้านนายกเทศมนตรีลอสแอนเจลิสก็ได้เสนอตัดลดงบประมาณของตำรวจเมื่อสัปดาห์ก่อน จาก 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนสมาชิกสภาเมืองของนิวยอร์กซิตี้ ก็เสนอให้มีการลดงบประมาณของทุกหน่วยงานลงราว 5 – 7% รวมถึงงบประมาณของตำรวจ 5.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเมืองขนาดเล็ก เช่น บอสตัน แลนซิง และซีแอตเติล ระบุว่าจะมีการพิจารณาลดงบประมาณเช่นกัน

 

2.เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกดำเนินคดี

ภาพการเสียชีวิตของฟลอยด์ที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการกระทำอันเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้เดเร็ค ชอวิน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้เข่ากดลำคอของฟลอยด์นานกว่า 8 นาที จนเสียชีวิต ถูกไล่ออก รวมทั้งตั้งข้อหาฆาตกรรมในระดับสามและฆ่าคนตายโดยประมาท เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ทว่าเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน เขาถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมระดับสอง ส่วนเพื่อนตำรวจอีก 2 นาย ที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็ถูกไล่ออก พร้อมข้อหาสมรู้ร่วมคิดและเอื้อให้เกิดการฆาตกรรมระดับสอง และข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาท

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย จากบัฟฟาโล นิวยอร์ก ถูกกล่าวหาในคดีความผิดต่อร่างกาย หลังจากที่ผลักผู้ชุมนุมประท้วงวัย 75 ปี

 

3.การรื้อถอนอนุสาวรีย์ที่เกี่ยวข้องกับการเหยียดผิว

หน่วยงานรัฐหลายแห่งทางตอนใต้ของสหรัฐฯ ที่มีการใช้ทาสชาวแอฟริกันในสมัยก่อน ต่างพากันสั่งรื้อถอนอนุสาวรีย์ที่เชิดชูการเคลื่อนไหวของสมาพันธรัฐอเมริกา ที่สนับสนุนระบบทาส เช่นในเบอร์มิงแฮม แอละบามา ก็มีการรื้อถอนอนุสาวรีย์สมาพันธรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน ในขณะที่ผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียกล่าวว่า จะมีการรื้อถอนอนุสาวรีย์ของนายพลโรเบิร์ต อี. ลี ผู้นำกองทัพสมาพันธรัฐให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ส่วนฟิลาเดลเฟียก็รื้อถอนรูปปั้นของแฟรงค์ ริซโซ อดีตนายกเทศมนตรีและอธิบดีกรมตำรวจ ก่อนกำหนด เช่นเดียวกับในดัลลัส ที่ถอนรูปปั้นอดีตหัวหน้าตำรวจเท็กซัส เจย์ แบงคส์ ซึ่งบุคคลทั้งสองเป็นผู้ที่สนับสนุนนโยบายที่เลือกปฏิบัติต่อคนผิวสี

ในสหรัฐอเมริกาเองก็มีการเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงชื่อถนนและสถานที่ต่าง ๆ ที่ตั้งตามชื่อของนายทาส เช่น ในแมดิสันอเวนิว หรือวอชิงตันสแควร์ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การรื้อถอนรูปปั้นสมาพันธรัฐอเมริกา โดยระบุว่า การกระทำลักษณะนี้อาจนำไปสู่การรื้อถอนอนุสาวรีย์ของ George Washington และ Thomas Jefferson บิดาผู้ก่อตั้งประเทศที่เป็นเจ้าของทาสจำนวนมาก  โดยผู้ว่าการรัฐเคนทักกีกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทางการกำลังศึกษาเกี่ยวกับการย้ายรูปปั้นของประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สัน เดวิส แห่งสมาพันธรัฐอเมริกา ออกจากอาคารสภาของรัฐ

 

4. การเปลี่ยนวิธีการจับกุมของเจ้าหน้าที่

หน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ และนักการเมืองที่ตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายทั่วประเทศได้สั่งให้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง โดยมุ่งที่การเพิ่มการเฝ้าระวังและควบคุมความรุนแรง

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียสั่งให้ยกเลิกวิธีการกดคอในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากที่กรมตำรวจและสำนักงานนายอำเภอของซานดิเอโกประกาศว่าจะหยุดการใช้แผนซ้อมรบ จากข้อกังวลเกี่ยวกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน รัฐอื่นๆ ก็มีการพูดคุยเกี่ยวกับนโยบายใหม่ในการจับกุมผู้ต้องสงสัย เพื่อลดความเสี่ยงต่อชีวิต โดยนายกเทศมนตรีเมืองแคนซัส รัฐมิสซูรี จะใช้หน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานสอบสวนกลาง หรือ FBI ในการตรวจสอบกรณีที่ตำรวจท้องถิ่นยิงประชาชนทุกกรณี เพื่อตอบสนองข้อกังวลของผู้ประท้วงเกี่ยวกับการแทรกแซงการสืบสวนภายในกรมตำรวจ ส่วนอธิบดีกรมตำรวจของซีแอตเติลก็จะห้ามเจ้าหน้าที่ปิดเลขประจำตัวเจ้าหน้าที่บนบัตร ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถระบุตัวเจ้าหน้าที่ได้ นอกจากนี้ พอร์ทแลนด์และซีแอตเติลยังมีการห้ามใช้แก๊สน้ำตากับผู้ชุมนุมประท้วงเป็นการชั่วคราวด้วย

 

5.การเสนอกฎหมายใหม่

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตได้นำเสนอให้มีการออกกฎหมายที่เอื้อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบต่อการประพฤติมิชอบ และปรับยุทธวิธีให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งหากกฎหมายฉบับนี้ผ่าน ก็จะนำไปสู่การห้ามเจ้าหน้าที่ใช้วิธีล็อกคอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีกล้องติดตามตัว และหน่วยงานใต้บังคับบัญชาต้องมีอิสระมากขึ้น

จัสติน อามาช จากพรรคเสรีนิยมและอดีต ส.ส. พรรครีพับลิกัน อิลฮาน โอมาร์ ส.ส. พรรคเดโมแครตจากมินนิอาโปลิส และอายานนา เพรสลีย์ จากบอสตัน กล่าวว่าพวกเขามีแผนที่จะสนับสนุนกฎหมายแยก ที่จะอนุญาตให้มีการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจะลดอำนาจของศาลสูงในการปกป้องเจ้าหน้าที่ตำรวจจากความรับผิดทางกฎหมาย แม้ว่าศาลจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ดังกล่าวละเมิดสิทธิพลเมือง

นอกจากนี้ หน่วยงานรัฐในโคโลราโด แมรีแลนด์ มิชิแกน นิวยอร์ก และอื่นๆ ก็ได้เรียกร้องให้มีการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปตำรวจเช่นกัน

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอเมริกาตอนนี้ จะทำให้สถานการณ์การประท้วงรุนแรงขึ้นหรือคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ผู้คนที่กำลังโกรธแค้นจะพึงพอใจต่อแอคชั่นที่รัฐบาลอเมริกาแสดงออกหรือไม่ และเรื่องนี้สุดท้ายจะมีทางออกแบบไหนต้องติดตามกันต่อไป เราจะติดตามและสรุปให้ผู้อ่านทุกสัปดาห์นะครับ :)

"จากจุดเริ่มต้นเล็กๆเพียงจุดเดียว นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก.. และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จะอยู่ในใจของคนอเมริกาไปอีกนาน"

ขอบคุณข้อมูลจาก : Reuters

Comments

news

VDO Update

Merigin

Related Post