
STALKER - STALKING
ช่วงที่ผ่านมา ผู้อ่านอาจได้เห็นดราม่าในโซเชี่ยลมีเดีย ระหว่างนางสาวไทยกับนักการเมืองหญิงที่เรียกได้ว่ามีซีนให้ชาวเน็ตพูดถึงกันอยู่ตลอดเวลา จุดเริ่มต้นมาจากการความเห็นของอดีตนางสาวไทยที่เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ เพื่อให้แก้ไขบทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา เรื่องการข่มขืน โดยให้เพิ่มความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศา
ตามความเข้าใจของผม คือการยกระดับความผิดและเพิ่มโทษของลักษณะการคุกคามทางเพศอื่นๆ ที่ไม่ใช่การข่มขืนเพียงอย่างเดียว เช่น การแอบถ่าย การคุกคาม รวมไปถึงการสะกดรอยตามไปเฝ้าที่ทำงาน ที่บ้าน เป็นต้น การสะกดรอยหรือเฝ้าติดตามในลักษณะคุกคาม เรียกว่า Stalking และผู้ที่ทำการสะกดรอยเรียกว่า Stalker หมายถึง การติดตาม สะกดรอย เฝ้าดูบุคคลอื่นเพื่อเป้าหมายบางอย่าง ลักษณะจะเป็นการติดตาม สอดส่อง เดินตาม โทรศัพท์หา ส่งข้อความก่อกวน อย่างต่อเนื่องจนผู้ถูกติดตามรู้สึกไม่ปลอดภัย
ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การกระทำความผิดทางอาญาหรือเป็นการก่ออาชญากรรมในความผิดฐานอื่นๆ ได้ต่อไป เช่น การทำร้ายร่างกาย การกระทำในลักษณะเป็นอนาจาร การข่มขืน หรือการฆาตกรรม
คดีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจาก Stalker
ในญี่ปุ่นเมื่อเดือน ต.ค.2019 Ena Matsuoka สมาชิกวง Tenshitsukinukeniyomi ถูกคนร้ายดักทำร้าย โดยคนร้ายนั้นรู้สถานที่อยู่ได้จากการขยายภาพเซลฟี่ของเธอที่โพสต์ในสื่อโซเชียล และดูว่าภาพสะท้อนในดวงตาของเธอคือสถานที่ใด จากนั้นก็ทำการเทียบภาพสะท้อนกับภาพใน Google Maps แล้วจึงเสาะหาสถานที่ดังกล่าวเพื่อตามไปทำร้าย
ที่สหรัฐเมื่อปี 1989 กรณีนักแสดงชื่อ Rebecca Schaeffer ถูกแฟนคลับที่เฝ้าติดตามมาเป็นเวลานาน สืบหาที่อยู่และตามไปถึงบ้านดาราสาว แต่ถูกปฏิเสธไม่ให้สนทนาด้วยจึงใช้ปืนพกยิงดาราสาวเสียชีวิตลง
มีการศึกษาวิจัยไว้ว่า โดยสถิติแล้วการติดตามและสะกดรอยบุคคลนั้นมีแนวโน้มอย่างมากที่จะนำไปสู่ความผิดอย่างอื่นตามมา ด้วยเหตุนี้ในบางประเทศจึงบัญญัติกฎหมายโดยให้การ Stalking นี้เป็นความผิดและต้องรับโทษทางอาญาเป็นความผิดเฉพาะขึ้นมา เช่น ในรัฐอิลลินอยส์ มีการบัญญัติความผิดเกี่ยวกับการติดตามและการข่มขู่ไว้โดยเฉพาะ โดยมีหลักการว่าหากบุคคลใดเฝ้าติดตามโดยรู้และปราศจากเหตุอันควรตามกฎหมาย และมีลักษณะเป็นการขู่เข็ญที่จะทำอันตรายต่อร่างกายในทันทีหรืออนาคต หรือเพื่อกักขัง หน่วงเหนี่ยว หรือทำให้บุคคลนั้นอยู่ในความกลัวหรือเชื่อโดยเหตุอันควรว่าสมาชิกในครอบครัวจะได้รับอันตรายต่อร่างกายหรือมีการละเมิดทางเพศ โดยมีโทษกำหนดไว้ให้จำคุกถึง 5 ปีหากเป็นกรณีที่การกระทำมีลักษณะร้ายแรงและมีโทษปรับขั้นสูงสุดเป็นเงินจำนวน 2.5 หมื่นดอลลาร์
ของไทยเรานั้นเป็นเพียงลหุโทษหรือโทษสถานเบา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 397 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ ซึ่งหากเป็นการกระทำในที่สาธารณะ หรือต่อหน้าธารกำนัล หรือเป็นการกระทำอันมีลักษณะส่อไปในทางที่จะล่วงเกินทางเพศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
ในประเทศไทยเรานั้น ดูเหมือนว่าถ้ามีปัญหาในเรื่อง Stalker การที่กฎหมายจะคุ้มครองผู้เสียหายได้ จะต้องปล่อยให้สถานการณ์ผ่านเลยไปจนถึงเกิดเป็นความผิดทางอาญาฐานที่กำหนดที่เป็นการเฉพาะเสียก่อน จึงจะสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดได้
นี่อาจคือเหตุผลให้อดีตนางสาวไทยออกมาเสนอความเห็นและผลักดันให้เพิ่มความผิดเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศในประเทศไทย คุณผู้อ่านล่ะครับ คิดว่าเรื่องนี้ควรชัดเจนได้แล้วหรือยัง?
Comments